แนะนำ วิธีการรักษา ต้อกระจก มีวิธีไหนบ้าง

Body Fit Training  > Health >  แนะนำ วิธีการรักษา ต้อกระจก มีวิธีไหนบ้าง

แนะนำ วิธีการรักษา ต้อกระจก มีวิธีไหนบ้าง

| | 0 Comments

ต้อกระจก เป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อเลนส์ตานั้นเสื่อมสภาพลง เมื่อเลนส์ตาเสื่อมจึงทำให้ตามีความขุ่นมัว ส่งผลให้เกิดการบดบังแสงที่ต้องผ่านเข้ามาในตาได้แบบไม่เต็มที่ การมองเห็นจึงไม่ชัดเจน และมีอาการตาพร่ามัว โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดต้อกระจกนั้น ก็มาจากการที่ผู้ป่วยมีอายุที่เพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เพียงแค่พบได้บ่อยมากที่สุดในหมู่ผู้สูงอายุ ซึ่งการรักษา ต้อกระจกเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แล้วมีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง ไปทราบพร้อมกันในบทความนี้เลย

วิธีการรักษา ต้อกระจก มีวิธีการแบบใดบ้าง

1. การผ่าตัดสลายต้อกระจก (phacoemulsification)

การผ่าตัดด้วยวิธีนี้จะทำการสลายเลนส์ตาที่ขุ่นมัว โดยการรักษาจะใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ และทำการใส่เลนส์ตาเทียมที่ชื่อว่า IOL เข้าไปด้วย เพื่อให้ทำหน้าที่ในการปรับค่าสายตา เมื่อแพทย์ต้องรักษาด้วยวิธีนี้ ก็จะทำการใช้คลื่นอัลตราซาวนด์เข้าไปผ่านท่อที่มีขนาดเล็ก เพื่อสลายต้อกระจก ซึ่งเมื่อสอดท่อเข้าไปแล้วก็จะช่วยให้ดวงตาเปิดขึ้น จากนั้นเลนส์ตาที่ขุ่นมัวก็จะแตกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แพทย์ก็จะต้องดูดเศษเลนส์ที่แตกเหล่านั้นออกมา แล้วหลังจากนั้นจึงจะใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปแทนเลนส์ตาธรรมชาติ ทั้งนี้ในการรักษาผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บ เนื่องจากว่ามีการหยอดยาชาให้ด้วย และใช้เวลาในการรักษาประมาณ 15 นาที – 1 ชั่วโมง

2. การรักษาด้วยเฟมโตเซเคินเลสิก (femtosecond LASIK)

เฟมโตเซเคินเลเซอร์ (femtosecond laser) เป็นการรักษาที่ต้องใช้เลเซอร์ปลดปล่อยพลังงานออกมา ทำให้เกิดความรวดเร็วในการผ่าตัดแทนการใช้มีดแยกชั้นกระจกตา โดยการใช้เลเซอร์ชนิดนี้ในการรักษาจะมีการกำหนดเป้าหมาย และขนาดที่ชัดเจนเอาไว้แล้ว ทำให้สามารถรักษาได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเลเซอร์จะทำหน้าที่ในการสลายเนื้อเยื่อ แบบที่ไม่สร้างความเสียหายให้กับเนื้อเยื่อโดยรอบ จึงทำให้การรักษาความอ่อนโยน และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ก็เป็นการรักษาที่ใช้เวลาในการผ่าตัด 30 นาทีเท่านั้นเอง

สำหรับที่กล่าวไปนั้นก็เป็น วิธีการรักษา ต้อกระจกที่สามารถช่วยให้ดวงตาที่เป็นต้อกระจกนั้นดีขึ้น หรือหายจากโรคนี้ได้ โดยในการรักษาทั้งสองวิธีการมีราคาค่าใช้จ่ายในการรักษาที่แตกต่างกัน และมีวิธีการรักษาที่ไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ก่อนการรักษาด้วยวิธีใดก็ตาม ผู้ป่วยก็ควรทำการศึกษาก่อนว่าตัวเองเหมาะสมที่จะรักษาด้วยวิธีไหน หรือมีงบในการรักษาอยู่ที่จำนวนเงินมากน้อยแค่ไหน สุดท้ายก็ให้ผู้ป่วยเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเอง และตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองได้มากที่สุดนั่นเอง